วันจันทร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

Poor Knight of Windsor - อัศวินยากจนแห่งวินด์เซอร์

 
Poor Knight of Windsor - อัศวินยากจนแห่งวินด์เซอร์
ชื่ออัศวินยากจนแห่งปราสาทวินด์เซอร์นี้ มีผู้ดำรงตำแหน่งอยู่จริง ตั้งแต่สมัยโบราณ หมายถึงอัศวินที่ออกรบเพื่อชาติแล้วถูกจับไปเรียกค่าไถ่ และบรรดาญาติขายทรัพย์สินมาไถ่ชีวิตอัศวินจนหมดตัว พระเจ้าแผ่นดินสมัยโบราณทรงสงสาร จึงอนุญาตให้มาอยู่ที่ปราสาทวินด์เซอร์ มีหน้าที่อธิษฐานวิงวอนต่อพระเจ้าเผื่อพระราชวงศ์และเพื่อนอัศวินด้วยกัน โดยได้รับเงินใช้สอยเพียงเล็กน้อย แต่ไม่ทราบเหมือนกันว่า ทำไมเขาเรียกอาหารชนิดนี้ว่าอัศวินยากจนแห่งปราสาทวินด์เซอร์
แม้จะหน้าตาเป็นขนมปังชุบไข่ทอดเหมือนกับอาหารอีกชนิดหนึ่งที่เรียกกันว่า French toast หรือ pain perdu แต่วิธีทำก็ต่างกัน รสก็ต่างกันไปด้วย อัศวินยากจนจะใช้วิธีเอาขนมปังที่เก่าๆ แข็งๆ มาชุบนมผสมเหล้าเชอรี่ให้นิ่มลงก่อน ที่ใช้นมผสมเหล้านี้เข้าใจว่าอาจช่วยดับกลิ่นขนมปังเก่า คงไม่ได้ใส่เพื่อถอนอาการแฮงค์แต่ประการใด... ถัดจากนม นำมาชุบเฉพาะไข่แดงที่ตีไม่ต้องฟูมาก นำไปทอดด้วยเนย ทานกับแยมราสเบอรี่หวานๆ
บังเอิญมีสปอนเซอร์ให้ครีมชีสผสมแอปริคอทและเฮเซลนัทมาก้อนหนึ่ง เลยคิดว่า น่าจะลองดัดแปลงดู... พอดีอัศวินไม่มีขนมปังเก่า เลยใช้ขนมปังธรรมดาจึงได้แต่ชุบนมเท่านั้น ไม่ได้แช่ไว้นาน เกรงจะนิ่มเกินไป วันที่ทำใช้เหล้า Frangelico แทนเชอรี่ ฟรานเจลิโค เป็นเหล้าที่กลั่นจากเฮเซลนัท ผสมแล้วเวลาทานจะได้กลิ่นหอมของถั่วจางๆ และแทนที่จะทาด้วยแยมราสเบอรี่ตามต้นตำรับ อัศวินเลยลองทาครีมชีส และทานกับแยมแอปริคอท แถมวอลนัทบิชิ้นเล็กๆกับแอปริคอทแห้งหั่นชิ้นเล็ก รสเข้ากันดีทีเดียว ไม่หวานจัด การนำขนมปังเก่าไปชุบนมก่อน ทำให้ขนมปังนุ่มกว่าขนมปังชุบไข่ทอดปกติ เหมาะสำหรับอัศวินยากจนที่ไม่มีค่าหมอฟัน
ทีนี้ ก็มีไข่ขาวกับเศษไข่แดงที่ชุบไม่หมด จะทำอย่างไรดี... ขอเสนอนี่เลยค่ะ... ไข่คนบนขนมปังทอดเนย ผสมพริกหวานสีเขียวแดงลงไปซะหน่อย ให้ความรู้สึกคริสต์มาสดีไม่น้อย นับเป็นอาหารหนึ่งมื้อสำหรับอัศวินยากจนได้เลย...

วันอาทิตย์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

Baked Camembert

 
Baked Camembert, served with panini and dried cranberries
Camembert (กามองแบร์) เป็นเนยแข็งเปลือกหนา แต่ข้างในจะนิ่มหน่อย มีเนยแข็งอีกชนิดหนึ่งที่รสชาดใกล้เคียงกันมากจนคนที่ไม่ได้ทานบ่อยๆแยกแยะลำบาก คือ Brie (บรี)
ทั้งสองอย่างผลิตมาจากแคว้นนอร์มังดีเหมือนกัน ผู้เชี่ยวชาญเขาบอกว่าความแตกต่างหลัก คือ Brie ทำจากนมที่พาสเจอไรซ์แล้ว ส่วน Camembert ทำจากนมที่ไม่ได้พาสเจอไรซ์ ดังนั้นกลิ่นจะแรงกว่า… อันนี้เราไม่ใช่กูรู ไม่รู้มากขนาดนั้น ได้แต่รับประทานอย่างเดียวค่ะ เท่าที่สังเกตดู แบบหนึ่งเขาจะทำให้วงเล็กแต่สูง ในขณะที่อีกแบบหนึ่งเขาจะทำให้วงใหญ่แต่เตี้ยกว่า ดูจากรูปจะเห็นได้ชัดเจน
          ทีนี้เวลาเรามีเพื่อนเอา Camembert มาฝากหลายก้อน นอกจากแกล้มไวน์แล้ว ก็ดัดแปลงไปทำอย่างอื่นบ้าง เริ่มต้นด้วยการกรีดผิวชีสให้เป็นตาราง สะกิดผิวบางส่วนออกบ้าง แต่ไม่ต้องลอกทั้งหมดก็ได้ ใช้กระเทียมฝานบางๆสักกลีบหนึ่ง แทรกลงไปตามร่องที่กรีดไว้ พร้อมกับโรสแมรี่ ถ้าอยู่เมืองไทย โรสแมรี่สดจะแพงมาก ซื้อมาแล้วถ้าใช้ไม่หมดต้องทิ้ง เสียดายของ ก็ใช้โรสแมรี่แห้ง แช่น้ำมันมะกอก โรยน้ำมันแช่โรสแมรี่บนหน้าชีส เนื่องจาก Camembert มีรสค่อนข้างเค็ม เราสามารถเติมไวน์ขาวลงไปนิดหน่อยเพื่อปรับให้รสกลมกล่อมขึ้นได้ เสร็จแล้วเอาเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 180º C ประมาณ 15-20 นาที เนยแข็งข้างในจะละลายเป็นของเหลวข้นๆ ใช้ขนมปังจิ้มทานได้ บางคนใช้ขนมปังฝรั่งเศส (baguette) หรือขนมปังเก่าแข็ง ๆ แต่ถ้าใครไม่อยากเจ็บเหงือกมากขนาดนั้น ก็ลองใช้ขนมปัง Panini ทาน้ำมันมะกอกแช่โรสแมรี่ แล้วปิ้งให้เหลืองๆ ก็อร่อยค่ะ ทานกับแครนเบอรี่แห้งผสมวอลนัทบิเป็นชิ้นเล็กๆ หรือเป็นผลไม้แห้งผสมนัทอย่างอื่นก็ได้ รสเปรี้ยวๆหวานๆของผลไม้แห้งตัดกับรสเค็มของชีสได้ดีทีเดียว