วันจันทร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2553

ร้านกาแฟนรสิงห์

การตกแต่งภายในร้าน

      ใครไม่เคยได้ยินชื่อนี้ในพ.ศ.นี้คงจะเป็นคนไม่มีเพื่อนทางเน็ตเอาซะเลย เพราะอิทธิพลของฟอร์เวิร์ดเมล์ที่ส่งต่อกันไปถึงไหนต่อไหน ทำให้ชื่อนี้ดังขึ้นมาชั่วข้ามคืน ในฐานะร้านกาแฟสุดคลาสสิคร้านหนึ่งของไทย ร้านนี้ตั้งอยู่ในพระราชวังพญาไท คือในบริเวณโรงพยาบาลพระมงกุฏ อาคารที่ใช้ทำเป็นร้านกาแฟ เดิมเป็นห้องพักรับรองข้าราชการ ที่รอเข้าเฝ้า


ที่เห็นมีลวดลาย คือที่แขวนหมวก
          มูลนิธิพระราชวังพญาไท ได้ปรับปรุงห้องนี้เป็นร้านกาแฟ ตกแต่งแบบยุโรป โดยเก็บเฟอร์นิเจอร์เก่าไว้บ้าง อย่างในรูปนี้เป็นที่แขวนหมวกของข้าราชการในสมัยนั้น (แต่ตะขอไม้หายไปแล้ว) ทำให้ลูกค้าหลายคนชื่นชอบบรรยากาศยิ่งนัก เข้ามาใช้บริการกันตั้งแต่สายถึงค่ำ ยิ่งวันหยุดด้วยแล้ว ลูกค้าก็มักจะแน่นเป็นพิเศษ ทุกวันเสาร์ เขามีบริการมัคคุเทสก์นำชมพระตำหนัก พี่ไกด์บอกว่า เปิดให้ชมมาตั้งแต่ พ.ศ. 2546 สมัยก่อนมีแต่ญาติคนไข้มาเดินดูวันละสามสี่คน แต่สมัยนี้นะ คนมาตั้งใจมาโดยเฉพาะ มีตั้งแต่นิสิต-นักศึกษามาทำรายงาน ไปจนถึงคนที่สนใจศึกษาประวัติมาก่อน แต่ละคนพกกล้องมาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม พร้อมแววตากระตือรือร้น ทั้งกล้องเล็กกล้องใหญ่ ถ่ายกันไปทุกจุดที่เขาอธิบาย เดินไปทางไหนก็เจอแต่คนถือกล้อง แม้แต่ในร้านกาแฟ คนมานั่งดื่มกาแฟอยู่คนเดียว ก็ยังมีกล้องมาด้วย อือมม... อิทธิพลของภาพถ่ายจากอีเมล์นี่ไม่เบาทีเดียว แต่ว่า... คนที่มาแอบหักชิ้นส่วนของรูปปั้นหินอ่อนที่ตั้งอยู่ในพระตำหนักไปน่ะ หักไปทามมายกันจ๊ะ

วันพุธที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2553

ครัวริมเขื่อน

     ได้เคยอ่านบทความหรือบล็อกที่คนเขาไปชิมอาหารตามที่ต่างๆมาก็เยอะแล้ว เห็นที่เขาติรสชาดอาหารนั้นมีน้อยมาก จริงๆนะ ส่วนใหญ่คนที่เขียนชวนชิมก็หาอะไรมาชมเข้า (จนได้) สักอย่าง เหมือนเป็นธรรมเนียม แต่ถ้าอาหารจานไหนไม่ได้ระดับจริงๆ คนไปชิมก็จะเลี่ยงไปว่า ไม่ชอบรสแบบนี้ หรือไม่งั้นก็ไม่เขียนถึงเอาเสียเลย คงกลัวทางร้านเขาจะเสียใจมั้ง หรือคนชิมอาจจะคิดว่าการไปพูดว่าอาหารจานไหนไม่อร่อย จะทำให้คนไม่เข้าร้านนั้น และจะทำให้ธุรกิจของร้านไม่ดี เลยไม่อยากทำ อันที่จริงแล้วถ้าร้านอาหารร้านหนึ่งเปิดกิจการมาได้นานเกินปีขึ้นไป ก็ย่อมมีทั้งจานอร่อยเด็ด เป็นเมนูขึ้นชื่อของทางร้าน และจานที่รสออกธรรมดา เหมือนหาได้ทั่วไป หรืออาจมีบางจาน ที่รสยังไม่เข้าขั้น ปะปนกันอยู่ ร้านไหนทำอาหารรสไม่ดี ถ้าไม่ได้ตั้งอยู่ในทำเลที่หาผู้เคราะห์ร้ายง่ายมากๆ ต่อให้โหมโฆษณาขนาดไหน ก็จะปิดไปตั้งแต่เปิดมายังไม่ถึงปี ซึ่งเราก็ไม่ต้องไปชิมอยู่แล้วจ้ะ

        วันนี้จะลองทั้งติทั้งชม รสอาหารแบบไม่ให้โกรธกันดูบ้าง อย่างร้านครัวริมเขื่อนนี่ไง จานอร่อยของเขาคือปลาเขื่อนทอด (ที่หัวปลามีกลิ่นโคลนเล็กน้อย เพื่อยืนยันว่ามาจากเขื่อนจริง) กับผัดเห็ดหอมสด ใครมาร้านนี้ ก็ต้องสั่งผัดเห็ดหอมสดกันทั้งนั้น เพราะแถวนี้เป็นแหล่งปลูกเห็ดหอมสดขนาดใหญ่แหล่งหนึ่งของเมืองไทย เห็ดที่สดจริงๆ เอามาผัดนั้น รสจะหวาน เคี้ยวหนึบ อร่อยกว่าเห็ดที่ซื้อจากตลาดมาก นอกจากเห็ดแล้ว ที่นี่ก็มีอาหารประเภทซี่โครงหมูต่างๆ เป็นจานขึ้นชื่อของทางร้าน ส่วนใครจะสั่งแกงส้มมาเป็นของหวานหรือไม่นั้น ก็แล้วแต่รสนิยม
          ร้านนี้อยู่ริมอ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง ขับรถไปตามถนนที่วนรอบอ่างเก็บน้ำ ก็คงเจอเข้าจนได้ ถ้าสนใจไปทานอาหารร้านนี้ สิ่งแรกที่ต้องทำ ก็คือการหาอ่างเก็บน้ำให้เจอเสียก่อน เพราะน้ำในอ่างแห้งจนดูไม่ออกแล้วว่าเป็นอ่างเก็บน้ำ ดูเหมือนพื้นที่ว่างโล่ง มีหญ้าขึ้นรกเท่านั้นเอง ต่อไป ปลาเขื่อนทอดซึ่งเป็นอาหารจานเด็ดของร้านนี้ อาจจะมาจากเขื่อนอื่นก็เป็นได้ 

วันพฤหัสบดีที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2553

ไปดูคอนเสิร์ต

        อันเนื่องจากโดนลากไปดูคอนเสิร์ตของ คณะนักร้องประสานเสียงเยาวชนไทย มีหน้าที่ต้องไปมอบช่อดอกไม้มั่ง รัยมั่ง ประสาเพื่อนที่ดี คณะนี้เค้าไปได้เหรียญเงินกันมา จากการแข่งขัน World Choir Game 2010 ที่เมืองจีน ที่หนังสือพิมพ์ลงข่าวกันครึกโครมว่าเด็กไทยเจ๋งนั่นแหละค่า
          แต่ก่อนไปแข่งขัน เขาจัดคอนเสิร์ตให้คณะนักร้องแสดงกับเวทีจริงกัน อันนี้มันฟรีอ่ะ คนดูแน่นขนัด เพราะแค่พ่อแม่นักร้องก็เป็นร้อยแล้ว แล้วยังมี ญาติผู้ใหญ่อีก แหม... ใครๆก็ปลื้ม ลูกหลานเป็นทีมชาติทั้งทีนิ กล้องมาเป็นสิบๆตัว ทั้งกล้องถ่ายรูป กล้องถ่ายวิดีโอ คุณลุงที่นั่งข้างหน้าหนูก็ประมาณนี้แหละ มาในชุดซาฟารีสุดเท่ พร้อมกล้องถ่ายรูป (แน่นอน Digital SLR) ให้สมุนถือกล้องถ่ายวิดีโอรุ่นใหม่มาอีกตัว มีคุณป้ามานั่งเป็นกำลังใจ ก่อนเริ่มการแสดง ทางผู้จัดเขาประกาศห้ามการถ่ายรูป เขาอยากประกาศก็ประกาศของเขาไปเราไม่ฟังก็ไม่ฟังกันไป พอเริ่มการแสดง ลุงก็เริ่มถ่าย เสียงชัตเตอร์รัว แชะ แชะ พร้อมแฟลชวาบเป็นระยะ ดูอาการแล้วงานนี้ลูกลุงต้องอยู่ในวงแน่ เพราะฉากมันไม่ได้เปลี่ยนซะหน่อย จะถ่ายอะไรกันปานนั้นฟระ แต่ที่โหดมากคือ ลุงลุกขึ้นเดินไปถ่ายซะชิดเวทีเลยนะนั่น ปาดหน้าแขกผู้ใหญ่ของงานไปดื้อๆ แถมปาดคนดูอีกทั้งโรง... ไม่เป็นไรลูกรัก... โรงละครนี้เป็นของเรา... คนดูคนอื่นเขาช่วยมานั่งให้เต็มๆงั้นเองจ้ะ... โอ้ว... อินสุดๆ... ลุกขึ้น... ลุกลง... เดี๋ยวกลับมานั่งที่... เดี๋ยวไปใหม่... อยู่งั้นเอง... อือม-ม-ม... น่าเชิญไปสัมมนาเรื่องประชาธิปไตยพื้นฐานต้องรู้จักการไม่ละเมิดสิทธิของคนอื่น ซะเจง-เจง
ภาพหมู่คณะนักร้องประสานเสียงเยาวชนไทย ในงานคอนเสิร์ต The Echo of the East by Thai Youth Choir
(ถ่ายตอนเขาอนุญาตนะจ๊ะ)