วันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

หมูสะเต๊ะลุงหมู


เสียงกริ่งที่หน้าประตูบ้านดังขึ้น เราเดินไปเปิดประตูรับหมูสะเต๊ะ จากลุงหมู ไปได้พบกันเสียหลายปี ลุงหมูดูแก่ลงเยอะทีเดียว...
            สองสามวันก่อนหน้านี้ เราโทรศัพท์ไปสั่งหมูสะเต๊ะจากลุงหมู เพื่อจะนำไปช่วยงานบ้านญาติผู้ใหญ่ เสียงลุงเหมือนดีใจ รีบรับปากว่าจะนำมาให้เอง เพราะเดี๋ยวนี้อายุชักมากเข้า ก็ไม่ได้ออกทุกวัน เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว แต่ผลัดกันกับญาติ เมื่อก่อนนี้มีรถปิ้งหมูสองคัน ออกคนละสาย เดี๋ยวนี้ยุบเหลือคันเดียว
            แม่เล่าให้ฟัง ย้อนไปถึงเมื่อครั้งที่เริ่มเป็นเจ้าประจำกันใหม่ๆ นานหลายปีมาแล้ว สมัยก่อนนี้ยังไม่มีโทรศัพท์มือถือ เวลาที่บ้านเราจะสั่งหมูสะเต๊ะ ก็เอาจานมาวางตั้งไว้บนม้านั่ง ยกออกมาวางไว้นอกประตูบ้าน เป็นสัญญลักษณ์ให้จอด เมื่อลุงหมูถีบรถผ่านมา ถ้าเห็นจานวางอยู่ ก็จะมากดกริ่ง สมัยนั้นเวลาหลานเล็กๆมาที่บ้าน คุณยายจะสั่งบ่อยมาก เพราะหลานๆชอบ มี่อยู่ครั้งหนึ่ง ที่บ้านเราเคยเหมาหมูสะเต๊ะลุงหมู มาเลี้ยงวันเกิดหลานคนหนึ่งของคุณยาย ลุงหมูมายืนปิ้งอยู่หน้าบ้าน หอมไปทั่ว เด็กๆสนุกกันมาก เพราะได้ทานหมูที่(เกือบจะ)ปิ้งเอง... แล้วต่อมาคุณตาก็เสียไป... หลังจากนั้น ลุงหมูก็พัฒนาขึ้น มีโทรศัพท์ใช้ คุณยายสั่งได้ ไม่ต้องเอาจานมาวางบนม้านั่งนอกบ้านอีกแล้ว... แล้วสิบห้าปีต่อมา คุณยายก็เสียไปอีก ตอนนี้ หลานเล็กๆที่ชอบหมูสะเต๊ะก็โตเป็นหนุ่มเป็นสาวกันหมดแล้ว...
หลังจากที่คุณยายเสียไป ที่บ้านเราก็ยังสั่งหมูสะเต๊ะลุงหมูอยู่ แม้จะไม่บ่อยเท่าเมื่อคุณยายยังอยู่ แต่มีสองครั้งที่มีเหตุการณ์ให้จำได้ ครั้งแรก เป็นช่วงใกล้สงกรานต์ เราพยายามติดต่อลุงหมูอยู่หลายวัน ในที่สุดก็ได้ความว่ากลับไปทำบุญและเล่นสงกรานต์ที่บ้านร้อยเอ็ด เพิ่งกลับมาถึง ยังขายไม่ได้... อีกครั้งหนึ่งคือหลังเหตุการณ์น้ำท่วมมหาวินาศ ลุงหมูบอกว่า กลัวน้ำจะท่วมเครื่องมือหากิน จึงเก็บขึ้นที่สูงหมด แม้จะไม่โดนน้ำท่วม ก็ยังไม่ได้เอาของลงมา เลยขายไม่ได้อีก...
พบกันวันนี้ ลุงหมูยังคงใจดีและพูดคุยเหมือนเดิม คุยกันอยู่นานทีเดียว ว่าที่จริงแล้วก็เป็นเจ้าประจำกันมานานราวยี่สิบปีแล้ว... เรามองดูลุงหมูถีบรถปิ้งหมูสะเต๊ะจากไป พร้อมกับตั้งคำถามอยู่ในใจ... อยากรู้จังว่า ลุงหมูคิดจะกลับไปพักผ่อนที่บ้านร้อยเอ็ด หลังเกษียณบ้างไหม และที่อยากรู้มากคือ ลุงหมูมีรายได้เท่าที่คาดหวัง ก่อนจะมาทำงานในกรุงเทพไหมหนอ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น