วันศุกร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2554

เก้าวัดเก้าวัน

ช่วงเทศกาลปีใหม่พ.ศ. 2554 ทางกทม. ได้เชิญชวนประชาชนไปไหว้พระ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง เรียกงานนี้ว่า ไหว้พระเก้าวัดเก้าวัน ทางกทม.ได้จัดรถรางและรถโดยสารประจำทางไว้บริการโดยไม่คิดมูลค่า คนจัดเขาก็คงไม่คิดหรอกว่าโครงการนี้จะได้รับความนิยมมากขนาดนั้น แต่บังเอิญผิดคาด คนแห่กันไปไหว้พระแน่นขนัดจนผู้เกี่ยวข้องเองก็คงจะงงไม่น้อย ได้ยินนายท่าปล่อยรถเมล์บ่นว่า แล้วก็ไม่แจ้งรายละเอียดมา
ในช่วงวันหยุดนั้นคาดว่ากรุงเทพคงโล่ง เลยคิดจะไปเดินในเขตพระนคร เพื่อศึกษาประวัติศาสตร์ของกรุงเทพ ในฐานะลูกหลานไทยซะหน่อย แต่พอไปเข้าจริงรถกลับติดมาก เห็นพี่ตำรวจจราจรคนหนึ่ง หยุดทำหน้าที่โบกรถแล้ว นั่งพักอยู่มอเตอร์ไซค์ของตัวเอง เลยลองไปถามดูว่าทำไมรถติด พี่เค้าบอกว่า คนมาไหว้พระกัน แถมท่องชื่อวัดให้ฟังเป็นชุด เอื๊อก... ผู้คนประมาณนี้เลยเหรอพี่... รถรางที่เตรียมไว้ไม่พอ ต้องเอารถเมล์มาเสริม คนเดินกันขวักไขว่ไปหมด ไม่รู้มาจากไหนกัน มิน่าล่ะ พี่ตำรวจถึงหยุดโบก ก็มันไม่รู้จะโบกอะไรจริงๆนี่นา
คนศรัทธาหลั่งไหลกันมาไม่ขาดสาย แล้วก็ตามแบบไทยๆ... คือต้องมีอาหารมาขาย จะเป็นรอบนอกของพระบรมมหาราชวัง หรืองานวัดในต่างจังหวัด ก็ไม่แตกต่าง... คนที่กินก็กินกันไป ที่เมาก็เมากันไป ที่ขายของก็ขายกันไป สนาม และสวนหย่อมรอบกำแพงพระบรมมหาราชวัง จึงเต็มไปด้วยขยะ ที่คนมักง่ายไม่รับผิดชอบทิ้งไว้เกลื่อนกลาด จนอดสงสัยไม่ได้ว่า คนเหล่านี้เขาศรัทธาในอะไรหรือ? ตามหลักธรรมของทุกศาสนา เมื่อจะเข้าไปกราบสิ่งที่ตนนับถือ ด้วยศรัทธาอย่างแท้จริง ก็ต้องทำตัวและทำใจให้สะอาด เมื่อใจสะอาด การแสดงความเคารพนั้นจึงจะเกิดเป็นมงคลแก่ชีวิต แล้วใจจะสะอาดได้อย่างไร ถ้าคนเราต้องเดินลุยกองขยะกับดงคนเมาเข้าไปกราบพระ
หลังจากเดินจนเมื่อยแล้ว ขากลับ ขึ้นรถพี่แท็กซี่คันหนึ่ง ตอนขึ้นไปใหม่ๆ ก็นึกเหมือนกันว่า คนขับรถแท็กซี่น่าจะใช้ยาระงับกลิ่นตัว... ซะมั่งนะ... แต่พอขับผ่านทางเท้าแห่งหนึ่ง พี่แท็กซี่ก็บอกว่า มันเอาพระมาขาย แบกะดินบนทางเดินแบบนี้ ดูแล้วมันไม่ดีเลย หาโต๊ะเตี้ยๆตั้งซักหน่อยก็ไม่ได้ เลยรู้สึกขึ้นมาทันทีว่า ถึงแม้พี่จะเต่าแรงซักหน่อย แต่พี่ก็ยังเป็นชาวพุทธแท้กว่าพวกมาไหว้พระ แต่กินเหล้ากับทิ้งขยะ จริงๆนะพี่...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น